วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทีมงานการทำหนังสั้น



ทีมงานการทำหนังสั้น





1.ผู้กำกับ คนนี้สำคัญที่สุด นั้นก็คือคุณน่ะแหละครับ ก่อนหน้านี้ก็เกริ่นมาเล็กน้อยครับว่าผู้กำกับต้องทำอะไรบ้าง แต่นั้นเป็นในส่วนของการเตรียมตัวและเตรียมงาน แต่เมื่อมาอยู่หน้ากอง ผู้กำกับคือผู้ที่กำหนดทิศทางของหนังให้เป็นไปตามใจที่เขาหรือเธอผู้นั้นต้องการ
โดยสิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับแต่ล่ะคนจำเป็นจะต้องมี ขาดไปไม่ได้เป็นอันขาด นั่นคือสมาธิครับ การจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำอยู่ตรงหน้า งานที่ว่านั้นก็หมายถึง คอยควบคุมนักแสดง กำกับให้เขาแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นไปตามบทบาทที่เราได้สร้างขึ้น และยังรวมไปถึงงานอื่นๆ เช่น การดูว่าตากล้องสามารถถ่ายภาพวางมุมกล้องออกมาได้อย่างที่เคยมีการตกลงกันก่อนหน้านี้ไหม หรือว่าเสียงโอเคหรือเปล่า ตัวละครมีบทพูดตรงตามที่เขียนไว้ไหม? จงจำไว้นะครับว่าจะต้องมีสมาธิอยู่ตลอดระหว่างการทำงาน หายไปไม่ได้เลย

2.ผู้ช่วยผู้กำกับ อย่าที่เกริ่นไว้ มีหน้าที่เป็น “แขนขา” ของผู้กำกับ เพราะในขณะที่ผู้กำกับกำลังคิดถึงงานที่อยู่ตรงหน้า ผู้ช่วยฯก็จะมาคิดถึงการทำให้งานมันเดินหน้าไปได้ หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือการลดภาระของผู้กำกับลงไป เพราะแทนที่จะต้องมานั่งคิดว่า ต่อไปจะต้องถ่ายฉากไหน แล้วมีใครเข้าฉากบ้าง ฉากนี้ควรจะถ่ายถึงกี่โมงเพื่อให้เสร็จภายในเวลาที่มีอยู่ นักแสดงแต่งหน้าอยู่ เมื่อต้องเข้าฉาก ผู้ช่วยฯก็เป็นคนไปตามนักแสดงนั้นๆ เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผู้ช่วยแหละครับที่จะต้องคิด
แล้วผู้ช่วยผู้กำกับต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ประการแรกต้องใจเย็นครับ มีความอดทน เพราะการต้องประสานงานกับหลายๆ ฝ่ายอาจจะทำให้มีเรื่องกระทบกระทั่งบ้าง ก็ต้องขันติเข้าข่มไว้ และอีกอย่างคือ จะต้องมีความตื่นตัวต่อทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ไม่หลุกหลิกไปกับสิ่งเร้าอื่นใด และนอกจากนี้ก็ยังจะต้องมีความคล่องตัว รวดเร็ว ฉับไว

3.ผู้จัดการกองถ่าย หลักๆ คือดูแลเรื่องการเงิน ว่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่ แล้วคอยให้คำแนะนำ (แกมบังคับ) แก่ทีมงานว่า ควรจะใช้งบเท่าไหร่เพื่อการซื้อหรือทำอะไรสักอย่าง ว่าง่ายๆ ก็คือหน้าที่ควบคุมให้ระบบการเงินในกองถ่ายราบรื่น เป็นไปด้วยความเหมาะสมตามงบที่มีอยู่ หน้าที่นี้จำเป็นจะต้องอาศัยผู้มีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน และมีสายตาที่ปราดเปรียวว่องไว เมื่อเห็นอะไรที่ผิดปรกติ เช่น กำลังจะมีคนใช้เงินเกินงบทั้งๆ ที่สามารถประหยัดได้มากกว่านั้น ผู้จัดการกองถ่ายจะต้องรู้ก่อนและแก้ไขได้ทันท่วงที

4.ตากล้อง/ผู้กำกับภาพ ไม่ใช่แค่เอากล้องมาวางแล้วก็ถ่ายอย่างเดียวนะครับ แต่จะต้องตีความตามบทหนังที่อ่าน และถ้ามีสตอรี่บอร์ดก็ต้องถ่ายตามนั้น โดยที่จะต้องช่วยเหลือด้านเทคนิคเพื่อให้ได้ภาพอย่างที่ผู้กำกับต้องการ หรือหากภาพที่วางไว้ในสตอรี่บอร์ดมันเกิดไม่ใช่ นั่นแปลว่าผู้กำกับภาพต้องรู้เรื่ององค์ประกอบภาพ (การวางตำแหน่งวัตถุต่างๆ เวลาอยู่ในเฟรมให้ดูดี) รวมถึงรู้วิธีเลือกใช้ขนาดภาพให้เหมาะสมในคัตที่กำลังถ่ายๆ อยู่ และสามารถหาหนทางอื่นมาเป็นทางออกให้แก่ผู้กำกับได้ แต่แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วดวงตาของผู้กำกับภาพ ย่อมจะต้องเป็นดวงตาอันเดียวกับของผู้กำกับ

5.คนบันทึกเสียง สำคัญไม่น้อยกว่าภาพเลย เพราะถ้าเสียงไม่ดีฟังที่ตัวละครพูดไม่รู้เรื่องนี้จบกัน คนบันทึกเสียงไม่ได้แค่ทำหน้าที่บันทึกเสียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคอยช่วยผู้กำกับดูว่า ก่อนถ่ายเมื่อไปดูโลเคชั่น ก็จะบอกได้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับการอัดเสียงเพื่อที่จะแก้ไขได้ หรือระหว่างถ่าย ก็คอยดูว่าช่วงไหนอัดเสียงได้ไม่ได้ เพื่อที่จะสามารถทำให้ได้เนื้อเสียงที่มีคุณภาพดีไปใช้ในการทำงานด้าน post production

ที่มา http://pimpikasusuza.blogspot.com/2015/11/blog-post_22.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น